ads by google

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กระเพาะอาหาร

       กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อจากหลอดอาหาร  อยู่บริเวณด้านบนซ้ายของช่องท้อง  ถัดจากกระบังลมลงมา  มีความยาวประมาณ  10 นิ้ว  กว้าง  5 นิ้ว  จึงถือว่าเป็นส่วนของทางเดินอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุด  แบ่งออกได้เป็น  3  ส่วนคือ
   1. ส่วนบนสุด  หรือส่วนใกล้หัวใจ  (Cardiac Region หรือ  Cardium) อยู่ต่อจากหลอดอาหาร  มีกล้ามเนื้อหูรูด (Cardiac Sphincter)
   2. ฟันดัส (Fundus) เป็นส่วนที่ 2 มีลักษณะเป็นกระพุ้ง
   3. ไพโลรัส  (Pylorus) เป็นส่วนปลายที่ติดต่อกับลำไส้เล็ก  เป็นส่วนที่แคบกว่าส่วนอื่นๆ  ตอนปลายของกระเพาะอาหารส่วนนี้มีกล้ามเนื้อหูรูด  เรียกว่า  ไพโลริด  สฟิงก์เตอร์  (Pyloric Sphincter) ป้องกันมิให้อาหารเคลื่อนเลยกระเพาะอาหารขณะย่อย    กระเพาะอาหารมีกล้ามเนื้อหนาแข็งแรงมาก และยืดหยุ่นขยายขนาดบรรจุได้ถึง  1000-2000  ลูกบาศก์เซนติเมตร 



โครงสร้างของกระเพาะอาหา
         ภายในกระเพาะอาหารจะมีผนัง  มีลักษณะเป็นคลื่น  เรียกว่ารูกี  (Rugae) มีต่อมสร้างน้ำย่อยประมาณ  35 ล้านต่อม  เรียกว่า  Gastric Gland สร้างน้ำย่อยของกระเพาะอาหารเรียกว่า  Gastric Juice ซึ่งเอนไซม์นี้มีองค์ประกอบหลายอย่าง  ได้แก่  กรดเกลือ  โปตัสเซียม  คลอไรด์  น้ำเมือก  (Mucus) และเอนไซม์เปปซิน (Pepsin)เรนนิน  (Renin) และไลเปส  (Lipase)  เมื่อสารองค์ประกอบเหล่านี้รวมตัวกับสารอาหารจนเหลวและเข้ากันดีคล้ายซุปข้นๆ  เรียกว่า  ไคม์  (Chyme) การควบคุมการหลั่งน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร

การทำงานของกระเพาะอาหาร(stomach)   
         มีการย่อยเชิงกลโดยการบีบตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหารและมีการย่อยทางเคมีโดยเอนไซม์เปปซิน (pepsin) ซึ่งจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นกรด โดยชั้นในสุดของกระเพาะจะมีต่อมสร้างน้ำย่อยซึ่งมีเอนไซม์เปปซินและกรดไฮโดรคลอริก (กรดเกลือ) เป็นส่วนประกอบเอนไซม์เปปซินจะย่อยโปรตีนให้เป็นเปปไทด์ (peptide)ในกระเพาะอาหารนี้ยังมีเอนไซม์อยู่อีกชนิดหนึ่งชื่อว่า “เรนนิน'' ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในน้ำนม ในขณะที่ไม่มีอาหาร กระเพาะอาหารจะมีขนาด 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่เมื่อมีอาหารจะมีการขยายได้อีก 10 – 40 เท่า 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น